อีกเวทีการประชุมนานาชาติ 18 ประเทศที่น่าสนใจยิ่ง ในช่วงปลายปี 2020 ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 คือ มหาวิทยาลัยเกียวโต แห่งประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะสาธารณสุขศาสตร์ และวิทยาเขตกาญจนบุรี เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมนานาชาติ ผ่านโปรแกรมประชุมทางไกล Zoom Meeting เรื่อง การศึกษาและการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกในภาคพื้นเอเชีย (The Kyoto University International Symposium 2020 on Education and Research in Global Environmental Studies in Asia) ในวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค. 63 มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 381 คน จาก 18 ประเทศ 71มหาวิทยาลัยและองค์กรชั้นนำเข้าร่วมงาน ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ไต้หวัน อินเดีย จีน ลาว พม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ปากีสถาน แทนซาเนีย เวียดนาม และประเทศไทย เป็นต้น
ศาสตราจารย์ นางาฮิโร มินาโตะ (Nagahiro Minato) อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกียวโต และ ศาสตราจารย์ นพ. บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา โดยสะท้อนให้เห็นถึงการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของความร่วมมือของประชาคม ซึ่งประกอบด้วย ผู้นำทางการศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ท่ามกลางความท้าทายของดิจิทัลดิสรัพชั่นและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายภูมิภาคโลก
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า กว่า 10 ปี ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ประสานความร่วมมืออย่างเข้มแข็งกับมหาวิทยาลัยเกียวโตมาตลอด โดยเริ่มจากปี 2007 ซึ่งได้มีความร่วมมือทางด้านการวิจัยและการแลกเปลี่ยนนักศึกษา อาจารย์ ระหว่างคณะวิศวกรรมกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ Graduate School of Global Environmental Studies (GSGES), Kyoto University และในปัจจุบัน มีหลักสูตรร่วมกันระหว่าง 2 มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนแบบ Double Degree โดยหลักสูตรแรกที่เปิดในปี 2017 คือ หลักสูตรนานาชาติวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และหลักสูตรการศึกษาสิ่งแวดล้อมโลกของมหาวิทยาลัยเกียวโต นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง Kyoto University On-Site Laboratory ขึ้นที่มหาวิทยาลัยมหิดลในปี 2019 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นหุ้นส่วนในความร่วมมือด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการพัฒนาระบบการศึกษา งานวิจัย นวัตกรรมในประเทศไทย และเป็นการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก
ไฮไลต์ของการประชุมในครั้งนี้ คือ การใช้เวทีสัมมนาเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์เกี่ยวกับมาตรการการรับมือโควิด-19 ในประเทศไทย (Post COVID-19 Countermeasures in Education and Research) มีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ หัวข้อ Moving Teaching Online - Kyoto University’s Response to COVID-19 โดย ศาสตราจารย์ ฮาจิเมะ คิตะ (Hajime Kita) ,ความสำเร็จของประเทศไทยในการจัดการโควิด-19 ในหัวข้อ โควิด19 : ตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาทางการแพทย์และการพัฒนาเทคโนโลยีการศึกษา (COVID-19 : Catalyst of the Change in Medical Education and Technological Development) โดย ศ.ดร. นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า ในอดีต เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ถูกจำกัด หากนักศึกษาแพทย์ต้องการศึกษาจะต้องศึกษาในสถานที่ที่จัดไว้เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้อย่างจริงจัง ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย และนำมาใช้ร่วมกับการศึกษา โดยนักเรียนสามารถเข้าร่วมชั้นเรียนได้ทั้ง แบบ Synchronous and Asynchronous ได้ทั้งแบบออนไลน์และแบบออนดีมานด์ มีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจบางอย่าง เช่น Interactive Multimedia, Interactive Video ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ผลจากการทำงานร่วมกันระหว่างกรมการแพทย์และกองสารสนเทศปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์การเรียนรู้ จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง "Adaptive Learning" ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพยกระดับการศึกษาทางการแพทย์ของประเทศไทยสู่ระดับโลก
ไฮไลต์ของการประชุมในครั้งนี้ คือ การใช้เวทีสัมมนาเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์เกี่ยวกับมาตรการการรับมือโควิด-19 ในประเทศไทย (Post COVID-19 Countermeasures in Education and Research) มีหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ หัวข้อ Moving Teaching Online - Kyoto University’s Response to COVID-19 โดย ศาสตราจารย์ ฮาจิเมะ คิตะ (Hajime Kita) ,ความสำเร็จของประเทศไทยในการจัดการโควิด-19 ในหัวข้อ โควิด19 : ตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาทางการแพทย์และการพัฒนาเทคโนโลยีการศึกษา (COVID-19 : Catalyst of the Change in Medical Education and Technological Development) โดย ศ.ดร. นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า ในอดีต เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ถูกจำกัด หากนักศึกษาแพทย์ต้องการศึกษาจะต้องศึกษาในสถานที่ที่จัดไว้เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีการนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้อย่างจริงจัง ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย และนำมาใช้ร่วมกับการศึกษา โดยนักเรียนสามารถเข้าร่วมชั้นเรียนได้ทั้ง แบบ Synchronous and Asynchronous ได้ทั้งแบบออนไลน์และแบบออนดีมานด์ มีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจบางอย่าง เช่น Interactive Multimedia, Interactive Video ซึ่งในอนาคตอันใกล้ ผลจากการทำงานร่วมกันระหว่างกรมการแพทย์และกองสารสนเทศปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์การเรียนรู้ จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง "Adaptive Learning" ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพยกระดับการศึกษาทางการแพทย์ของประเทศไทยสู่ระดับโลก
นอกเหนือจากนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังผลิตนวัตกรรมและหุ่นยนต์ทางการแพทย์ เพื่อฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วย เช่น หุ่นยนต์แพทย์อัจฉริยะ Doctosight 1 และ 2 ช่วยลำเลียงขนส่งและดูแลผู้ป่วย , หุ่นยนต์ Foodie จัดส่งอาหารและยาไปยังคนไข้ในโรงพยาบาล , หุ่นยนต์ Westie เก็บขยะติดเชื้อใน รพ. ลดภาระความเสี่ยงของบุคลากรแพทย์ , หุ่นยนต์ AI-Immunizer ทดสอบวัคซีนอัจฉริยะ , Jubjai Bot แชทบอทระบบหุ่นยนต์เอไอ เพื่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้า , หุ่นยนต์ผ่าตัดทางไกล เป็นต้นในอนาคต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะทำงานร่วมกัน ในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเชื่อมโยงการให้ข้อมูลการดูแลสุขภาพหรือข้อมูลการศึกษา ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะทำการตั้งค่าอัลกอริทึมของข้อมูลและการประยุกต์ใช้ทางเทคนิค AI ด้านคณะวิศวกรรมศาสตร์ จะร่วมพัฒนาชีวิตวิถีใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ดังนั้น การระบาดของ COVID-19 จึงเป็นตัวเร่งสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการศึกษาทางการแพทย์และเทคโนโลยีของโลก
ในงานประชุมนี้ ยังมีการแบ่งปันประสบการณ์การสัมมนาของนักวิจัยรุ่นใหม่จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการศึกษาสิ่งแวดล้อมโลกใน 4 หัวข้อหลัก ประกอบด้วย 1. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science & Technology) 2. การเกษตรและชีวภาพ (Agriculture & Biology) 3. การวางแผนผังพัฒนาเมืองและชนบท (Urban & Rural Planning) 4. นโยบายและเศรษฐกิจ (Policy & Economics) ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาและวิจัยในอนาคต พร้อมทั้งนำเสนอแผนสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการศึกษาและการวิจัย และนำเสนอการอภิปรายข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือระหว่างประเทศในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน
Kyoto University International ONLINE Symposium 2020
on Education and Research in Global Environmental Studies in Asia
Keynote Speech 'Post Covid-19 countermeasures and revolutions in university campus'
Name |
PrasitWatanapa |
Affiliation |
Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Mahidol University, THAILAND |
Title |
Dean and Professor of Surgery |
Abstract (600~800 words) |
COVID-19 : Catalyst of the Changes in Medical Education and Technology Development Medical education and health-care technology development have been continuously improved for decades. The COVID-19 pandemic, however, speeds up the processes of changes and development. The concept and activities of distant education were not accepted in the past, because of the belief that “Humanized Medicine” could be introduced into medical students only by on-site education,are now accepted and applied worldwide. More and more technologies on distant medical education and competency evaluation have been developed and adopted. Our Faculty of Medicine Siriraj Hospital has started using these technologies conscientiously since the beginning of the outbreak in Thailand. Students can now attend the synchronous and asynchronous classes both by online and on-demand. Some interesting facilitieshave beenadded; e.g. interactive multimedia, interactive video. In the near future, as the result of working together between our Department of Medical Education and our Division of Information, artificial intelligence (AI) and learning analytics will be used to establish the “Adaptive Learning”, which will improve the quality of our medical education. Although tele-consultation in health care has existed in Thailand for years, tele-medicine on the contrary just started during the pandemic. To avoid the major outbreak,Siriraj Hospital and several other hospitals reduced the hospital services to minimum, except for the emergency cases, during mid-March to mid-April. After the outbreak could be controlled during the second half of April, we resumed the hospital services with new models to prevent the spreading of the infection in case of another wave of the outbreak. The principle of keeping physical distancing supports us to introduce tele-medicine as a part of health-care services. Since the medical council of Thailand set up the regulations and standard of tele-medicine in August, many hospitals including our Siriraj Hospital have offered tele-medicine and tele-consultation to the patients. The process starts with : 1) patients make appointment on-line requesting to see the physicians via the tele-medicine route; 2) hospital officers check whether the case is suitable for tele-medicine (initial inclusion criteria include patients with known diagnosis of non-infectious diseases, stable condition withclear dose of medication, full-conscious or being with sensible and communicable relatives at the time of seeing the physicians); 3) hospital officers check about the technical aspects of distant communication; 4) hospital officers confirm the appointment time and date with relevant physicians and the patients; and 5) hospital officers reconfirm the appointment a day prior to the schedule date. At present, approximately 5% of our suitable patients enjoy these facilities. However, our target is to have at least 10% of suitable patients enrolled. Moreover, we are now preparing for tele-rehabilitation by using the interactive multimedia technology. Apart from tele-medicine and tele-rehabilitation, the Faculty of Engineering of Mahidol University produces medical robots assisting the hospital services. There are several kinds of robots doing different functions available now. More functions will be added in the near futureto make these robots versatile to be used, not only in the healthcare services but also in education and else.Cutting-edge technologies are expected to emerge from collaborative works between the Faculty of Medicine Siriraj Hospital and the Faculty of Engineering of Mahidol University, particularly those involve the artificial intelligence (AI). The combination of providing health-care information or education information by the Faculty of Medicine, setting up the algorithm of information and applying the technical aspects of AI by the Faculty of Engineering, will certainly produce new normal of activities withbetter performance.The COVID-19 pandemic is, therefore, the major catalyst of the global changes in medical education and technology development. |
Faculty of Engineering, Mahidol University. (Mahidol, Engineering.)
25/25 Phuttamonthon 4 Road, Salaya, Phuttamonthon, Nakhon Pathom 73170 Thailand
Tel: +66 2889 2138
Fax: +66 2441 9731
Email: engineering@mahidol.ac.th